วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ทำอย่างไรได้บ้าง ที่จะช่วยให้หมดภาระในการผ่อนบ้านเร็วขึ้น และไม่กระทบกับรายจ่ายส่วนอื่น ๆ หากเป็นการซื้อของทั่วไปผ่อนไม่กี่เดือนก็หมด ต่างจากการกู้ ซื้อบ้าน ที่เป็นภาระหนักและยาวนาน กว่าจะจ่ายครบก็กินเวลาหลายสิบปี แถมยังเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ต้องส่งผ่อนทุกเดือน ซึ่งหลายคนก็รู้ดีว่าการผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ๆ ก็คือ การนำเงินไปโปะเพิ่ม แต่จะโปะหนี้บ้านเพิ่มยังไงไม่ให้เจ็บตัวหรือกระทบกับรายจ่ายส่วนอื่น ๆ มาดูวิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ปลดหนี้ได้ไวขึ้นพร้อม ๆ กันเลยค่ะ 1. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ก่อนอื่นควรเริ่มจากเช็กกำลังผ่อนจ่ายของตัวเองก่อน โดยการคำนวนจากรายได้ที่หักออกด้วยรายจ่าย ๆ อาทิ มีค่าใช้จ่ายตรงไหนที่สามารถลดหรือตัดออกแล้วนำมาออมเพิ่มได้บ้างและเผื่อไว้ใช้สำหรับยามฉุกเฉิน พร้อมกับเคลียร์ค่าใช้จ่ายจากหลายทางให้เหลือทางเดียว เช่น ปิดสินเชื่อหรือปิดบัตรเครดิต เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด นอกจากนี้ที่สำคัญเลยก็คือไม่สร้างหนี้เพิ่มภาระในอนาคต 2. เลือกสินเชื่อที่เหมาะกับตัวเอง การเลือก สินเชื่อบ้าน ก็เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารว่าสินเชื่อใดที่อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเป็นดอกเบี้ยรูปแบบใด อาทิ อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Floating Rate Loan) อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Fixed Rate Loan) หรืออัตราดอกเบี้ยแบบผสม (Mixed Rate Loan) แล้ว ควรพิจารณาสินเชื่อที่ให้วงเงินสูงเพียงพอสำหรับผ่อนบ้านและการตกแต่ง มีระยะเวลาในการผ่อนยาว และสามารถขยายวงเงินกับระยะเวลาในการผ่อนได้ 3.
ปกติแล้ว สิ่งที่มนุษย์ ค่าจ้างรายเดือน ควรจะพินิจพิเคราะห์ ก่อนกระทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้เป็นข้อตกลงที่ทำงานขอกู้สินเชื่อบ้าน กับแบงค์เดิม นั้นจำเป็นต้องหมดอายุลงแล้ว ซึ่งจำนวนมาก จะกำหนดอยู่ที่ 3 ปี VILLA FOR RENT แม้กระนั้นกรณี ที่ผู้กู้อยากได้ ขอรีไฟแนนซ์บ้าน ก่อนหมดอายุคำสัญญา สามารถทำเป็น แต่ว่าจำเป็นต้องเสียค่าบริการดังที่แบงค์ระบุ แล้วก็ถูกกำหนดเอาไว้ภายในข้อตกลง ด้วยเหตุนั้นทางที่ดีควรจะ อ่านเนื้อหา ข้อจำกัด ของคำสัญญา การกู้ยืม อย่างละเอียดถี่ถ้วน รีไฟแนนซ์บ้านไหนดี เชื่อไหมว่าปริศนารีไฟแนนซ์ ที่ใดดี?
3 ล้านบาท (ทุกแบบผมกำหนดให้ดอก 0% 3 เดือนแรก เดือนที่ 4-12 ดอกพิเศษ 4. 75% หลังจากนั้น MLR -1%) แถวที่ 1 เป็นการคำนวณในกรณีที่ผมส่งเดือนละ 15, 300 กว่าบาท ถ้าผมส่งด้วยยอดนี้ไปเรื่อย ๆ จะ - ใช้เวลา 22 ปี 7 เดือน กว่าจะปิดต้นที่กู้มาได้หมด - โดนดอกเบี้ยไปประมาณ 1. 68 ล้านบาท แถวที่ 2 เป็นการคำนวณในกรณีที่ผมส่งเดือนละ 25, 700 กว่าบาท - ใช้เวลา 9 ปี 10 เดือน กว่าจะปิดต้นที่กู้มาได้หมด - โดนดอกเบี้ยไปประมาณ 6. 5 แสนบาท แถวที่ 3 เป็นการคำนวณในกรณีที่ผมส่งเดือนละ 38, 428 กว่าบาท - ใช้เวลา 5 ปี 10 เดือน กว่าจะปิดต้นที่กู้มาได้หมด - ดนดอกเบี้ยไปประมาณ 3. 5 แสนบาท แถวที่ 3 มองผ่านไปก็ได้ เพราะส่งเยอะขนาดนั้น ย่อมหมดเร็ว ดอกน้อย แต่ถ้าลองเทียบแถวแรกกับแถวที่สอง จะพบว่าการส่งต้นมากกว่าขั้นต่ำแค่หมื่นเดียว สามารถลดเวลาการผ่อนไปได้ 12 ปี (เหลือ 9 ปีกว่า เกือบ 10 ปี) และลดดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาไปได้ 1 ล้านบาท (เหลือ 6 แสนกว่า) คำถามคือ ทำไมส่งเดือนละน้อย ๆ ดอกถึงบาน?
การที่จะทำให้ลดดอกเบี้ยบ้านได้และผ่อนหมดไวขึ้นคือ ต้องทำให้เงินต้นลดไปเยอะๆ และหาวิธีลดดอกเบี้ยลง สำหรับในโพสต์นี้พี่โอกาสมี 3 วิธีที่จะทำให้เงินต้นลดลงมากขึ้น และ ดอกเบี้ยถูกลงมาฝากกันครับ 1. โปะเงินเพิ่ม การโปะเงินเพิ่มเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้หนี้หมดเร็วขึ้น และลดดอกเบี้ยบ้านไปได้เยอะ เมื่อเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยก็จะถูกลงได้ ซึ่งเราอาจจะค่อยๆทยอยโปะ หรือ โปะเป็นเงินก้อนใหญ่ ก็ได้ (เช่น โบนัสออกก็เอามาโปะ) 2. รีเทนชั่น รีเทนชั่น (Retention) คือ การไปเจรจาต่อรองเพื่อ ขอลดดอกเบี้ยบ้านจากธนาคารเดิม ซึ่งหลักการจะคล้ายๆกับการย้ายค่ายมือถือครับ เช่น เวลาเราจะ ย้ายค่ายมือถือ ไปค่ายใหม่ ค่ายเดิมของเราขอมักจะโทรมาเสนอโปรโมชันใหม่ๆ เพื่อยื้อให้เราไม่ย้ายค่าย การขอรีเทนชั่นกับธนาคารเดิมก็เหมือนกันครับ เมื่อเข้าไปขอลดดอกเบี้ยบ้านกับเค้า ถ้า ประวัติการชำระหนี้ หรือ เครดิต เราดี ส่วนใหญ่ธนาคารก็มักจะลดดอกเบี้ยบ้านให้ ซึ่งวิธีนี้ที่สามารถลดดอกเบี้ยไปได้ถึง 1-2% แถมไม่ต้องทำเรื่องเยอะ และ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยและเงื่อนไขก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคารนะครับ 3.