14159265358979323846264338327950288… เท่ากับว่า π ไม่สามารถเขียนเป็นเศษส่วนได้ ดังนั้น ทั้ง 22/7 และ 3. 14 จึงไม่ใช่ค่า π ทั้งคู่ แต่ที่ใช้ก็เนื่องจากสองจำนวนเป็น ค่าประมาณ ของ π ที่ใช้งานง่ายจึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายนั่นเอง ส่วนสัญลักษณ์ π เป็นอักษรกรีกลำดับที่ 16 ซึ่งคนที่นำ π มาใช้เพื่อแทนค่าคงที่ของอัตราส่วนระหว่างเส้นรอบวงหารด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางคนแรกคือ William Jones ในปี 1706 และสัญลักษณ์นี้ได้รับความนิยมตั้งแต่ Leonhard Euler นำมาใช้ในปี 1737 สรุปแล้ว π ก็คือ π ไม่ใช่ 22/7 แล้วก็ไม่ใช่ 3. 14 จากที่อ่านที่มาของ π เราก็จะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้ว π ไม่ใช่ทั้ง 22/7 และ 3. 14 เพียงแต่ 2 ค่านี้เป็นค่าเพียง ค่าประมาณ ของ π ที่นิยมใช้เพื่อให้คำนวณได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเองครับ โดยปกติแล้ว ในระดับมัธยมมักจะมีการใช้ค่า π เป็น 22/7 หรือ 3. 14 แต่ในอนาคตเราจะเริ่มเห็นการติดค่า π ในการคำนวณเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ อย่างเช่นมุมในหน่วยเรเดียนที่ติดค่า π ไปเลย เป็นต้น เนื่องจาก 22/7 หรือ 3. 14 เป็นค่าประมาณหยาบ ๆ ที่ใช้เพื่อให้คำนวณได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ได้เป็นตัวที่ represent ค่า π ได้จริง ๆ แต่อย่างใด สรุปได้สั้น ๆ ว่า ค่า π ก็คือค่า π มีค่า 3.
14159265358979323846264338327950288… ส่วนค่า 22/7 หรือ 3. 14 นั้นก็มีไว้เพื่อทำให้การคำนวณนี้ให้ง่ายขึ้นเท่านั้นเองครับ เรียบเรียงโดย ทีมงาน Maththayom ข้อมูลบางส่วนจาก Exploratorium, Live Science
พาย หรือ Pi หรือ π เป็นค่าที่เรียกได้ว่าเราอาจจะเจอกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วทีนี้หลายคนก็อาจจะสงสัยว่า π จริง ๆ มีค่าเท่าไรกันแน่นะ? วันนี้ทีมงาน Maththayom จะมาอธิบายถึงที่มาของค่า Pi ให้รับทราบกันว่า แท้จริงแล้ว π มีค่าเท่ากับ 22/7 หรือ 3. 14 กันแน่ หรืออาจจะไม่ใช่ทั้งคู่ก็ได้ π คืออะไร ตอนเราเรียนคณิตศาสตร์ เราอาจจะสังเกตได้แค่ว่า π มักจะเป็นส่วนประกอบเมื่อต้องคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับวงกลม เช่น ความยาวของเส้นรอบวง = หรือ พื้นที่วงกลม = สิ่งที่เรามักจะเจอตามมาก็คือ ในโจทย์มักจะให้ค่า π เป็น หรือ 3.
1415926 กับ 3.